ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน ต.ท่าวาสุกรี พระนครศรีอยุธยา
เมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500 ที่วัดญาณเสน ต. ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ชื่อ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้ำพระพุทธมนต์ มีชื่อเสียงมากในทางแก้คุณไสย ป้องกันภูตผีปีศาจ ถูกกระทำ โรคกรรมเก่า โรคจิตวิปริต จิตฟุ้งซ่าน คลอดลูกไม่ออก พ่นตาแดง รักษาฝี ฯลฯ
เมื่อหลวงพ่อชื้นเสกน้ำมนต์ ให้ดื่มกินก็ปรากฏว่าหายวัน หายคืน เป็นไปอย่างน่าประหลาด เหล่าภูตผี เจ้าที่หรือวิญญาณที่มีสิงสู่ในตัวตน เมื่อรู้ว่ามีผู้นำน้ำพุทธมนต์เสกของ หลวงพ่อชื้น มา ก็รีบหนีไปผุดไปเกิดทันที จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วตลาดหัวรอ ตลาดเจ้าพรหม
ผู้ทีชอบทางค้าขายหลวงพ่อก็จะเสกธะนางกวักเรียกคนเข้าร้านให้
ผู้ที่ชอบทางโลดโผน ผจญภัย เป็นรั้วของชาติ ท่านก็สร้างตะกรุดโทนแจกให้
เล่นแร่แปรธาตุ
ในสมัยนั้นบรรดาเกจิอาจารย์นิยมเล่นแร่แปรธาตุ โดยนำโลหะต่างชนิดกันมาผสมกัน เพื่อให้เป็นทองคำให้เป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ผสมโลหะ 5 อย่าง 7 อย่าง 9 อย่าง ออกมาเป็นสัตตโลหะ นวโลหะ อย่างเช่น หอกของหลายชุมพล ปลายหอกทำด้วยสัตตโลหะ ใครที่ว่าเหนียว เมื่อเจอโลหะผสมก็เปื่อยเป็นเนื้อต้มทีเดียว หลวงพ่อชื้น ท่านก็ลองวิชาของท่านเหมือนกัน นำโลหะมาผสมได้เนื้อเหลืองทางทองคำก็มี เนื้อเหลือบใสแดงขาวก็มี ท่านเรียกโลหะของท่านว่า เนื้อลูกแก้ว ท่านผสมไว้มากมายใต้ถุนกุฏิ เมื่อใครมาขอท่านก็หลอมเป็นลูกอมเล็ก ๆ ให้พกติดตัว ผู้ที่ได้ไปก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่าง ๆ ถ้าวันใดว่าง ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ไปหาตะปูสังฆวานรตามเจดีย์ร้างเก่า ๆ มาหลอมรีดเป็นตะกรุด ผู้ได้ไปก็มีความคงกระพันชาตรี มหาอุด หยุดลูกปืน จนท่านทำให้แทบไม่หวาดไหว
พระธุดงค์มาสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น
ต้นปี พ.ศ. 2500 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาที่วัดญาณเสน พบกับ หลวงพ่อชื้นเข้าโดยบังเอิญ ท่านอาจารย์ทั้งสองเกิดถูกอัธยาศัยกัน จึงได้สนทนาธรรมกับผู้ศึกษาธรรมย่อมรู้ญาณซึ่งกันและกัน เพียงสนทนากันไม่กี่ประโยคก็ทราบได้ว่ามีความรู้เพียงใด บำเพ็ญเพียร มามากเพียงใด
อาจารย์ต้องการศิษย์
.ศิษย์ต้องการอาจารย์
พระธุดงค์เปรยขึ้นมาว่า ที่ท่านชื้นได้ร่ำเรียนวิชามานั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในวัตถุ ต้องปล่อยปละละวาง ละความโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ และข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอีกหลายข้อ ตามแนวทางของพระพุทธองค์หลวงพ่อชื้น จึงได้กราบขอเป็นศิษย์ พระธุดงค์รูปนั้นก็มิได้ปฏิเสธ และพูดว่า นับเป็นกุศลของอาตมาที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้วได้สำเร็จมรรคผล นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม มีพระธุดงค์รูปนั้น ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย
ความสำเร็จ
จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือน กับอีก 27 วัน หลวงพ่อชื้น ท่านก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่าจิตใจสบายและสงบขึ้น และในคืนวันที่ 27 นั้นตอนใกล้รุ่งที่โคนต้นโพธิ์ หลวงพ่อชื้น ท่านได้ยินเสียงเหมือนคนหว่านทรายมารอบ ๆ ตัวท่าน จึงลืมตาถาม พระธุดงค์ พี่เลี้ยงว่า นั่นเสียงอะไร พระธุดงค์ จึงตอบว่า ผีประจำต้นโพธิ์มันจะเข้าต้นไม้ มันไล่ท่านแล้ว คืนต่อมาหลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์ และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์ เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
พระอาจารย์มรณภาพ
หลังจากวันนั้นแล้วพระธุดงค์องค์นั้นก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า หลวงพ่อชื้น เล่าว่า พระธุดงค์องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อเสน เตชะธัมโม เป็นชาวโคราช อำเภอสูงเนิน มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็ก ๆ กับพระยาท่านหนึ่ง ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดบรมนิวาส ได้เล่าเรียนพระปริยัตธรรม วิปัสสนากรรมฐานอยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) จนกระทั่งมีความคงแก่เรียน จึงได้ออกรุกขมูลธุดงค์หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดหลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว และหลังจากนั้นอีก 5 ปี พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอมหลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา
หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น
หลวงปู่แหวน วัดดอกแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล
ผมเคยถามท่านด้วยตัวเองว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ (เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้) ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!
คำอาราธนาพระเครื่อง
ให้อาราธนาว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ
ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำแล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน
** อนุญาติให้ข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์ ทรูอมูเล็ต ดอทคอม สามารถ อ่าน คัดลอก ตัดแปลง ได้ตามที่ใจท่านต้องการ เพื่อความรู้และการศึกษา โดยไม่ต้องขออนุญาติ ข้อมูลทั้งหมดได้มาจากสื่อสาธารณะที่มีประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้เสียเงินสักบาท และไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ให้คนเข้าเว็บเยอะ ๆ จะได้ขายของได้เยอะ ๆ มีโฆษณามาลงเยอะ ๆ และอีกอย่างหนึ่งเพราะว่าตายไปผมก็เอาไม่ได้ ถ้าหวงนักผมขอแนะนำว่าอย่านำมาลง ให้ปิดเว็บทิ้งไปเลยจะดีกว่าอย่าทำเลย